Boolean Logic ของที่ลืมไปแล้วแต่ต้องขุดมาใช้อีก

วันนี้มีงานชิ้นหนึ่งให้ทำ เป็นเรื่อง Health Check ของ Global Load Balance

ทำไปทำมา ปรากฎว่าต้องขุดเรื่องเก่าอย่าง Boolean Logic ออกมาใช้ !!!

Boolean Logic หรือตรรกศาสตร์ (มั้ง) ที่เคยเรียนสมัยมัธยมหรือมหาลัย (เรื่องประมาณ 1 and 0 = 0 หรือ 1 or 0 = 1 แนวๆนี้ล่ะครับ) เรื่อง and, or หรือ Basic Operation ต่างๆน่ะไม่มีปัญหาหรอกครับ

ถ้ามันไม่มาเป็นชุดๆ !!!

วันนี้จากที่ออกแบบเบื้องต้น ผลคืออาจจะต้องมีการใช้ Boolean Logic มากกว่า 16 Condition เลวร้ายที่สุดอาจกลายเป็น 32 หรือ 64 !!!

ฟังดูอาจะไม่เยอะ แต่หากลบองทำจริงๆจะรู้ครับว่าการทำ Health Check ด้วย Condition มากขนาดนั้น Human Error อาจจะเกิดขึ้นได้ในจุดใดจุดหนึ่ง

ดังนั้นวันนี้จึงต้องจบด้วยการ “พัก” ไปก่อน ค่อยมาต่อพรุ่งนี้

แต่คร่าวๆคืออาจจะใช้การลดรูปทาง Boolean Logic หรือการออกแบบ Network เพิ่มเติมเพื่อลด Condition ให้น้อยที่สุด

.

.

สุดท้ายก็ต้องไปรื้อทั้งเรื่อง Boolean และ Network เลยนะนี่…

สอบ Certificate ตอน MCTS (Microsoft Certified Technology Specialist)

วันนี้แวะมาอัปบล๊อคต่อเรื่อง Certificate กันเลยนะครับ

สำหรับวันนี้ขอนำเสนอ Certificate จาก Microsoft นะครับ

.

MCTS หรือ Microsoft Certified Technology Specialist เป็น Certificate ยุคใหม่จาก Microsoft

MCTS เป็น Certificate ที่สอบข้อสอบเพียงวิชาเดียวก็จะได้มาครับ จุดประสงค์ของ Certificate ตัวนี้คือ เป็นใบรับรองความสามารถให้กับผู้ที่สอบได้ว่ามีความรู้ความสามารถในด้านนั้นๆจริงๆ

ตัวอย่างของ MCTS

MCTS: Microsoft Internet Security and Acceleration (ISA) Server 2006, Configuration เป็นใบรับรองว่าผู้ที่สอบได้สามารถจะปรับแต่งตัว ISA Server 2006 ได้

MCTS: Exchange Server 2007, Configuring เป็นใบรับรองว่าผู้ที่สอบได้สามารถจะปรับแต่งตัว Exchange Server 2007 ได้

MCTS: Windows Server 2008 Active Directory Configuration เป็นใบรับรองว่าผู้ที่สอบได้สามารถจะปรับแต่ง Windows Server 2008 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Active Directory ได้

MCTS: Windows Server 2008 Network Infrastructure Configuration เป็นใบรับรองว่าผู้ที่สอบได้สามารถจะปรับแต่ง Windows Server 2008 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Network ได้

.

.

MCTS แม้ว่าจะเป็น Certificate ที่สอบเพียงวิชาเดียวก็ได้มาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะด้อยกว่าตัว MCITP ที่ต้องสอบหลายวิชานะครับ เพราะในบาง Product มีข้อสอบเพียงระดับ MCTS เท่านั้น ดังนั้นผู้ที่สอบได้ MCTS ก็อาจจะถือได้ว่าได้รับการรับรองขั้นสูงสุดใน Product นั้นๆเหมือนกันครับ

สำหรับวันนี้ขอตัวก่อนนะครับ เจอกันใหม่โอกาสหน้าครับ

สอบ Certificate ตอน การเริ่มต้น เตรียมตัวสอบ

แวะมาอัปบล๊อคซักเล็กน้อย

เนื่องจากมีน้องท่านหนึ่งอยากให้เล่าเรื่องการเตรียมตัวสอบ Certificate ให้ฟังหน่อย

จัดให้ครับ แต่ขอมาแบบทีละตอนละกันนะ เอาแบบเป็นซีรีย์เล็กๆละกัน

วันนี้ขอเล่าเรื่องการเตรียมตัวสอบ Certificate ก่อนนะครับ

.

การเตรียมตัวสอบ Certificate สำหรับตัวผมเองทำตามนี้ครับ

  • ค้นหาก่อนว่าจะสอบ Certificate ตัวไหนดี และ Certificate ตัวนี้ สอบแล้วเราได้เรียนรู้ เพิ่มโอกาสในการทำงาน หรือโอกาสในการทำธุรกิจให้เราได้มากน้อยเพียงใด หากดีดลูกคิดคำนวณแล้วว่าคุ้ม ก็ตัดสินใจสอบ Certificate ตัวนั้นไป
  • เริ่มอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ Certificate ตัวนั้น สำหรับหนังสือเตรียมสอบ Certificate ในเบื้องต้นผมจะแนะนำให้ใช้เป็น Official Book เพราะเนื้อหาจะครอบคลุมและตรงกับการสอบ Certificate นั้นๆมากกว่าเล่มอื่นๆ และเมื่ออ่าน Official Book แล้ว ในขั้นตอนต่อไปให้อ่านหนังสือเล่มที่คนส่วนใหญ่นิยมอ่านเพื่อสอบ Certificate ตัวนั้นๆ เพราะโดยมากแล้ว หนังสือเล่มที่มีคนใช้มาก มักจะมีเนื้อหาที่ดี และอ่านง่ายครับ
  • ทำ Lab เพื่อเตรียมตัวสอบ Certificate สำหรับขอบเขตของ Lab แต่ละตัวนั้น เราอาจจะหาได้จากหนังสือที่เราอ่านเอง หรืออาจจะจำลอง Lab จาก Objective ของการสอบ Certificate ตัวนั้นๆก็ได้ Objective ในการสอบจะสามารถหาได้ในเว็บของเจ้าของ Certificate นั้นๆครับ
  • หาความรู้เพิ่มเติมจาก Board ที่เกี่ยวข้องกับการสอบ Certificate หรือเกี่ยวข้องกับการใช้งานระบบที่เราจะสอบ Certificate สิ่งที่ไดจากการเรียนรู้ด้วยวิธีนี้อาจจะไม่ตรงกับ Objective ของการสอบ Certificate เท่าไหร่ แต่มันจะช่วยให้เรารู้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งวิธีการแก้ไข ซึ่งจะช่วยเราได้มากในการทำงานในชีวิตจริงครับ
  • สิ่งสุดท้ายคือการ Training สำหรับวิธีนี้ขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วยนะครับว่า การเรียนรู้้จากวิธีที่ได้กล่าวมาแล้วด้านบน เราคิดว่าเราพร้อมไหม หากคิดว่ายังไม่พร้อมก็ควรจะไปเข้ารับการ Training จากผู้ที่มีประสบการณ์หรือเจ้าของ Product ครับ วิธีนี้จะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาได้ค่อนข้าวเร็ว แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่อาจจะสูงกว่าวิธีอื่นครับ

.

วันนี้ก็ขอตัวก่อนนะครับ วันหน้าจะมาใหม่ครับผม ^^

เปิดโลก Freeware ตอน SIW ดูสเปคคอมสุดรัก

ตอนนี้กระแสฟรีแวร์เริ่มมาแล้ว

เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มเอาจริงเอาจัง

(สนับสนุนครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ ลดราคาซอฟท์แวร์กันสักนิดก็ดี)

ดังนั้นวันนี้จะมาขอแนะนำซอฟท์แวร์ตรวจสเปคคอมซักตัวครับ

ความสามารถไม่แพ้ Everest หรือซอฟท์แวร์อื่นๆเลย

.

SIW หรือชื่อเต็มๆ Software Information for Windows คือพระเอกประจำตอนนี้ครับ

SIW สามารถให้รายละเอียดกับเราได้ทั้งในเรื่อง Software และ Hardware ?ี่ติดตั้งในเครื่องของเรา

รายละเอียดต่างๆก็มีให้ครบถ้วน (อาจมากไปด้วยสำหรับบางกรณี)

นอกจากนี้ยังสามารถทำ Report ออกมาเป็นไฟล์รูปแบบต่างๆได้อีก

จึงอาจนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการทำ Inventory ในองค์กรครับ

สามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.gtopala.com/

.

นำภาพตัวอย่างจากเว็บผู้ผลิตมาให้ดูกันสักเล็กน้อย

.

.

ภาพตัวอย่างจาก SIW

ภาพตัวอย่างจาก SIW

วัดอุณหภูมิได้ด้วยนา

วัดอุณหภูมิได้ด้วยนา

ติดตั้งอะไรไว้ดูได้หมด

ติดตั้งอะไรไว้ดูได้หมด

ว้าวๆๆๆ ในที่สุดเว็บนี้ก็มีภาพกะเขาซักทีเนอะ !!!

เรื่องไอที เรื่องง่ายๆที่คุณอาจยังไม่รู้ ตอน Security on Windows

เชื่อหรือไม่ว่าจริงๆแล้ว คุณอาจไม่จำเป็นต้องมี Antivirus, Firewall, IPS, Antispyware !!!

บ่อยครั้งผมมักจะเห็นว่าการให้คำแนะนำต่างๆทางด้านไอทีจะเน้นไปที่การลง Protection Software ซะมาก

ซึ่งจริงๆแล้ววิธีนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ เพราะช่วยป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง

แต่สิ่งที่น่ากังวลสำหรับผมแล้วคือ Vulnerability, Compatibility ระหว่าง Protection Software ที่แห่กันลงไปในเครื่อง

บางท่านลง Antivirus 2 ตัวในเครื่อง !!!

ผมเชื่อว่าในสถานการณ์นี้ Antivirus 2 ตัวนี้จะต้องมีการทำงานในหลายๆครั้งที่ Conflict กัน

เช่น AV ตัวแรกต้องการลบไฟล์ออก อีกตัวจะไม่ลบ

นอกจากนี้หลายๆท่านมีการใช้ Firewall แต่ไม่เคยอัปเดตตัว Firewall เลย

ผลคือหาก Firewall มีช่องโหว่เกิดขึ้น (Vulnerability) Hacker อาจเจาะระบบเข้ามาง่ายๆ

เจาะเข้ามาแล้วจะ Execute จะ Transfer อะไรทำได้หมด

.

.

ดังนั้นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญลำดับแรกในการ Implement ระบบคือ OS Security

หรือที่เรียกกันติดปากว่า OS Hardening

ผมถือว่าเรื่องนี้สำคัญกว่า Protection Software ซะอีก

ยกตัวอย่างเช่นใน Windows เราสามารถจำกัด Path ที่สามารถ Execute Software ได้

สามารถกำหนด Permission ของ User ได้ เช่น การเข้าถึง Folder, การจำกัดการ Backup หรือการเข้าถึง System File หรือ System Configuration ต่างๆ

การเซตเหล่านี้เราสามารถกระทำได้ผ่าน Group Policy

ในระบบ Workgroup เราต้องเซต Policy เหล่านี้ทีละเครื่อง

แต่ในระบบ Domain เราสามารถเซต Policy ครั้งเดียวบน Active Directory ใน Windows Server แล้วกำหนดให้ใช้กับกลุ่มที่ต้องการได้ทันที

ดังนั้นสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้งาน Windows เป็นหลัก

ผมจึงแนะนำให้ใช้งานระบบ Domain มากกว่าที่จะใช้ Workgroup

.

.

วันนี้ขอแค่นี้ก่อนนะครับ

โอกาสหน้าจะนำเรื่อง Domain และ Workgroup ที่ผมเคยพบมาเล่าต่อ

WordPress Themes